สังคม-CSR

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ณ วัดธาตุทอง

วันพฤหัสบดี ที่ 15 มิถุนายน 2566 เวลา 14 นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ณ เมรุวัดธาตุทอง พระอารามหลวง เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ซึ่งถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ด้วยโรคหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน สิริอายุ 81 ปี

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อุดมศิลป์ เกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2485 เป็นบุตรของนายประชา กับ นางพาณี ศรีแสงนามบิดา จบการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ และสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล  Fellowship of the Royal College of Physicians มหาวิทยาลัยเอดินบะระ

ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม เป็นผู้มีคุณูปการต่อวงการสาธารณสุขและสุขภาพ เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และรองคณบดี คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ประธานคณะกรรมการเครือข่ายนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย อีกทั้งเป็นผู้จุดประกายกระแสการวิ่งเพื่อสุขภาพ เขียนหนังสือสร้างแรงบันดาลใจ “วิ่งสู่ชีวิตใหม่” (พ.ศ. 2539) จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน

ด้านครอบครัว สมรสกับ คุณมรกต ศรีแสงนาม มีบุตร-ธิดา 4 คน

นอกจากนั้น เมื่อเวลา 13.10  น. ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ครั้งที่ 6/2556 ที่มี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุน สสส. คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้แจ้งต่อที่ประชุม และกล่าวไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของ ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาคณะกรรมการกองทุน  ความตอนหนึ่งว่า “ศ.นพ.อุดมศิลป์ เป็นเสาหลักของการสร้างเสริมสุขภาพไทยมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพจิต ด้านการควบคุมยาสูบ ด้านการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสิ่งเสพติด และด้านกิจกรรมทางกาย อาทิ เป็นผู้นำถ่ายทอดประสบการณ์การวิ่งผ่านหนังสือ วิ่งสู่ชีวิตใหม่ ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนไทย อีกทั้งเป็นหัวเรือใหญ่ด้านการตลาดเพื่อสังคม ช่วยให้งานรณรงค์สื่อสารของ สสส. มีพลังในการเปลี่ยนแปลงสังคม รวมทั้งริเริ่มและพัฒนา “กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี” ให้กลายเป็นประเพณีทางเลือกสำคัญของคนไทยในปัจจุบัน” พร้อมเชิญชวนให้คณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมยืนสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อเป็นการไว้อาลัย