‘คิงสเตลล่า กรุ๊ป (KSG)’ ฉลอง ‘ครบรอบ 60 ปี’ ประกาศความสำเร็จบุกตลาด ไทย-เทศ
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/20-1.jpg)
คิงสเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King Stella Group Co.,Ltd. หรือ KSG) ฉลองความสำเร็จครบรอบ 60 ปี อย่างยิ่งใหญ่ในงาน “King’s Stella Group 60th ANNIVERSARY & TRANSFORMING TO THE FUTURE” กับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจให้ก้าวหน้าสู่ระดับ World Class ประกาศความสำเร็จในตลาดทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมโชว์ Vision ผู้บริหารรุ่นใหม่ GEN3 ชูนิยามใหม่ “EMPOWER BETTER LIVING FOR ALL ส่งต่อชีวิตที่ดีกว่า สร้างสรรค์คุณค่าเพื่อทุกคน”
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/17-1.jpg)
นายชนะพันธุ์ กิตติเกษมศักดิ์ ประธานกรรมการ บริษัท คิงสเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King Stella Group Co.,Ltd. หรือ KSG) เปิดเผยว่า “สำหรับการดำเนินธุรกิจของ บริษัทฯ หลังจากที่ได้ดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลา 60 ปี ในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ได้ทำการปรับเปลี่ยนโครงสร้างกลุ่มบริษัทในเครือ ซึ่งเดิมมีอยู่ด้วยกัน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท สยามพูลทรัพย์ อินเตอร์เคมีคอล จำกัด, บริษัท แบร์ริ่ง เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท คิงส์สเตลล่า แลบบอราทอรี่ จำกัด เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทเดียวกัน คือ “บริษัท คิงสเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King Stella Group Co.,Ltd.หรือ KSG)” เพื่อทำให้การดำเนินธุรกิจสอดรับกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้การทำงานกระชับกว่าที่ผ่านมา
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/19.jpg)
สำหรับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ Air Care, Home Care, Car Care, Pet Care และ Personal Care สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ในหลากหลายตลาด โดยเฉพาะในกลุ่ม Personal Care ที่มีเจลล้างมือ “King’s Stella Hand Sanitizer” เป็นสินค้าที่มียอดขายดีเป็นอย่างมากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งมียอดขายมากกว่า 100 ล้านบาทในช่วงนั้น
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/02-39.jpg)
นอกจากนี้ คิงส์สเตลล่ายังเป็นสเปรย์ปรับอากาศรายแรกในไทยกับ “King’s Stella Classic Series” ที่ช่วยให้บรรยากาศ work from home ดีขึ้น และ “King’s Stella Freshy Bear Gel” เจลน้ำหอมปรับอากาศหมีคิงส์ หรือที่เรียกติดปากว่า “เจลหมีซิ่ง”
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/10-7.jpg)
ขณะที่กลุ่ม Pet Care ซึ่งมีแบรนด์เรือธงอย่าง “BEARING Petcare” ในการทำตลาด โดยมีผลิตภัณฑ์แชมพูกำจัดเห็บหมัดสำหรับสัตว์เลี้ยง “BEARING Tick & Flea Dog Shampoo”และขนมสำหรับสุนัขอย่าง “BEARING Jerky Treats Soft Snack” ผลิตจากเนื้อไก่แท้ 100% รวมทั้งขนมแมวเลีย “BEARING Cat Liquid Snack” สูตรโซเดียมต่ำ แต่โปรตีนสูง ที่มีสโลแกนว่า “มนต์เรียกแมว”
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/11-8.jpg)
ส่วนกลุ่มธุรกิจ Car Care โดยมี President’s WaxOne เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดคาร์แคร์ในไทยนับตั้งแต่ปี 2516 โดยเป็น สเปรย์บำรุงรักษาเครื่องหนังรายแรกของไทย และยังครองความเป็นผู้นำตลาดในเวียดนามอีกด้วย โดยปัจจุบันบริษัทมีสินค้าอยู่ด้วยกัน 2 ซีรีส์ ได้แก่ WaxOne Easy จับกลุ่มคอนซูเมอร์หรือลูกค้าทั่วไป วางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดและร้านค้าดั้งเดิม มีราคาจับต้องได้ ไม่สูงมากนัก และ WaxOne Gold ที่ถูกพัฒนามาเป็นอย่างดี ทำให้เป็นสินค้าที่มี Performance สูง เทียบเท่าสินค้านำเข้า”
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/23.jpg)
ทั้งนี้ นางวิลาสินี กิตติเกษมศักดิ์ รองประธานกรรมการ บริษัท คิงสเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King Stella Group Co.,Ltd. หรือ KSG) เสริมว่า “สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมออกสินค้าใหม่ 60 รายการ แบ่งเป็น Pet Care 40%, Air Care และ Home Care รวมกัน 40% และ Car Care อีก 20% โดยสำหรับตลาดสเปรย์ปรับอากาศนั้น ยังมีโอกาสในการเติบโตอยู่มาก ปัจจุบันบริษัทฯ ติดTOP 3 ของตลาดและคาดหวังว่าจะเป็นเบอร์หนึ่งภายใน 5 ปี
นอกจากการทำตลาดที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้ขยายกลุ่มลูกค้าให้เด็กลง จากเดิมกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นผู้บริโภคอายุเฉลี่ย 45 ปี จึงพยายามขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนที่อายุน้อยลงในช่วง 25-34 ปี เนื่องจากเป็นวัยทำงานที่มีกำลังซื้อสินค้า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ก็ออกแบบสินค้าให้มีการตอบโจทย์กลุ่มคนดังกล่าวมากขึ้น รวมถึงยังต้องตอบสนอง Lazy Economy ที่จะต้องนำพฤติกรรมดังกล่าวไปใช้ในทุกสินค้าของบริษัทฯ”
นอกจาก การเพิ่มความแข็งแกร่งด้านธุรกิจ และการเดินหน้าปรับโครงสร้างบริษัทในเครือแล้ว KSG ยังคงมีการเดินหน้าสร้างกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร ทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างต่อเนื่อง
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/24.jpg)
โดย นางวิลาสินี พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่า “บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินกิจการ ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร ภายใต้หลักจริยธรรมและการจัดการที่ดี โดยรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเศรษฐกิจ, สังคม และสิ่งแวดล้อม ในนิยามใหม่ “EMPOWER BETTER LIVING FOR ALL ส่งต่อชีวิตที่ดีกว่า สร้างสรรค์คุณค่าเพื่อทุกคน”
นอกจากนี้ KSG หยิบ BCG มาใช้เพื่อเป็น model เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน Sustainable Development Goals : SDGs ด้วยการพัฒนาสินค้าให้มีนวัตกรรมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเพื่อประหยัดพลังงาน มูลค่า 20 ล้านบาท การใช้พลังงานทดแทนด้วยการติดตั้ง Solar Rooftop 300kWh มูลค่ากว่า 10 ลบ. เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 222,395 kgCO2e หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 639,617 ต้น/ปี, การใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (พาราโบล่าโดม) มูลค่ากว่า 5 ลบ. เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และด้วยความตั้งใจจริง จึงส่งผลให้ ผลิตภัณฑ์สเปรย์ปรับอากาศคิงส์สเตลล่า และไฮจีนิค ได้รับการรับรอง Carbon footporint product เป็นรายแรกของประเทศไทยอีกด้วย” นางวิลาสินี กล่าว
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/21-1.jpg)
ในขณะที่ นายชุติพนธ์ กิตติเกษมศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิงสเตลล่า กรุ๊ป จำกัด (King Stella Group Co.,Ltd. หรือ KSG) ผู้บริหาร Gen 3 กล่าวว่า “หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่เราวางไว้นั้น มองว่าการขยายตลาดไปยังต่างประเทศจะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก จากปัจจุบันได้มีการส่งออกไปยัง 13 ประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 15-20% โดยตลาดส่งออกมีการเติบโตค่อนข้างดีตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา และแผนงานที่จะโฟกัสคือการเข้าไปลงทุนสร้างเครือข่าย Global Distribution เพื่อจัดส่งสินค้าให้ถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด จากเดิมที่ตลาดส่งออกจะเป็นในลักษณะของผู้นำเข้าซื้อไปเพื่อจำหน่ายต่อ แต่จากนี้จะมีการลงทุนในประเทศปลายทางที่ตลาดมีศักยภาพ เนื่องจากสามารถดูแลลูกค้าได้ดีกว่า
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/22-1.jpg)
โดยที่ผ่านมาได้ไปเปิดบริษัทที่ประเทศเวียดนาม และไปหา Distribution ปลายทาง โดยมองว่าการที่เข้าไปลงทุนเปิดบริษัทฯ จะทำให้เข้าใจตลาดและคนท้องถิ่นได้ดี สามารถติดตามการขายและทำการตลาดได้ดียิ่งขึ้น โดยพบว่าผลตอบรับในเวียดนามค่อนข้างดี บริษัทฯ จึงจะทำโมเดลนี้ไปประเทศอื่น อาทิ อินเดีย ที่ได้มีการไปสำรวจตลาดแล้ว เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรจำนวนมาก เบื้องต้นน่าจะเปิดในไตรมาส 2 และจะให้ความสำคัญกับการขยายโมเดลดังกล่าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ฟิลิปปินส์ น่าจะสามารถเข้าไปในช่วงไตรมาส 4 และมาเลเซียที่จะเข้าไปในปี 2567”
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2023/03/12-10.jpg)
“สำหรับแนวทางในการดำเนินธุรกิจในช่วง 5 ปีนับจากนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 250 ล้านบาท เพื่อทำการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดและทำการตลาดให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อผลักดันเป้าหมายรายได้ให้เพิ่มขึ้นมาเป็น 2,000 ล้านบาท โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีวิกฤติจากการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ก็ยังมีการเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี มองว่าจากปัจจัยบวกของเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการขยายตลาดของบริษัทฯ ในปีนี้จะทำให้มีรายได้ถึง 1,000 ล้านบาท” นายชุติพนธ์ กล่าวทิ้งท้าย