กลุ่มศึกษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองฯ รวมพลังแพทย์-ศิลปิน-ผู้ป่วย จัดงานใหญ่ “GLOW from WITHIN” ปีที่ 11 ตอกย้ำความจริง “มะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาหายได้
ชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย ตอกย้ำความสำเร็จปีที่ 11 ของแคมเปญ “Miracle” เตรียมจัดงานใหญ่ “GLOW from WITHIN” ซึ่งตรงกับวันที่ 15 กันยายนของทุกปี งานนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่าโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบและเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที กิจกรรมและ เสวนา “MIRACLE 11: GLOW from WITHIN” (ปาฏิหาริย์ เปลี่ยนมะเร็ง ให้เป็นสุข: เปล่งประกายจากภายใน) ให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการรักษาแก่ผู้ป่วย จัดขึ้นใน วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 12.00 – 16.00 น. ณ ชั้น 3 โซน Eden ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองถือเป็นภัยเงียบที่รุนแรงที่สุดในบรรดาโรคมะเร็งทางระบบโลหิตวิทยา ซึ่งในประเทศไทยมีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี และที่น่ากังวลคือสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุน้อยที่เริ่มมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า การตรวจคัดกรองและเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น สามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังช่วยลดภาระของระบบสาธารณสุขในระยะยาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้าง และขยายโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์เชิงรุกได้อย่างทั่วถึง ซึ่งแนวทางนี้สอดคล้องกับภารกิจของชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย ซึ่งมุ่งเน้นการเผยแพร่ความรู้ ส่งเสริมการตรวจสุขภาพ และผลักดันการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด โดยเฉพาะหากสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก

ศ.นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมรณรงค์ในปีนี้มุ่งเน้นการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma: NHL) เพื่อลดความเข้าใจผิด และส่งกำลังใจแก่ผู้ป่วยและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ในอดีต การรักษาหลักคือเคมีบำบัดและการฉายรังสี แต่ปัจจุบันแนวทางการรักษาที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ “ภูมิคุ้มกันบำบัด” ซึ่งดึงศักยภาพของร่างกายผู้ป่วยมาใช้ในการกำจัดเซลล์มะเร็งอย่างตรงเป้า

Bispecific Antibodies (แอนติบอดีชนิดจำเพาะสองเป้าหมาย): เปรียบเสมือนการติด “GPS” ให้เซลล์ภูมิคุ้มกัน ยาช่วยจับเซลล์ภูมิคุ้มกันและเซลล์มะเร็งเข้าด้วยกัน ทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถซ่อนตัวได้อีกต่อไป และถูกกำจัดได้อย่างแม่นยำ แนวทางนี้กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ให้ผลการรักษาดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด CAR-T Therapy: สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่โรคกลับมาเป็นซ้ำ มีการบำบัดที่เรียกว่า “ยาที่มีชีวิต” โดยนำเซลล์ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยมาผ่านกระบวนการปรับแต่งพันธุกรรมในห้องปฏิบัติการเพื่อสร้างให้ตรวจจับและโจมตีเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ การรักษานี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดสำหรับผู้ป่วยที่เคยหมดหวัง
นอกจากนี้ ยังมียาในรูปแบบรับประทานชนิดใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อให้ยาทางสายน้ำเกลือ แต่สามารถรับประทานได้เองที่บ้าน เพิ่มอิสระในการใช้ชีวิต และมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการรักษา
“ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงการค้นพบยาตัวใหม่ แต่คือการพลิกโฉมการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งระบบ อนาคตการรักษาจะชาญฉลาดและจำเพาะเจาะจงมากขึ้น รบกวนร่างกายน้อยลง และออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายอย่างแท้จริง สำหรับผู้ป่วย นั่นหมายถึงการมีทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ได้อยู่กับคนที่รัก และสำคัญที่สุดคือ มีผู้รอดชีวิตจำนวนมากขึ้นที่สามารถพูดได้อย่างภาคภูมิว่า ‘หายขาดจากโรคนี้แล้ว’” ศ.นพ.ธานินทร์ กล่าว

ศ.นพ.ธานินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองปัจจุบันถือว่าเป็นโรคมะเร็งที่สามารถพบได้บ่อย และพบเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี อัตราการเกิดโรค (incidence) เฉลี่ยต่อประชากรอายุ 20 ปีขึ้นไป อยู่ที่ประมาณ 6.4 รายต่อประชากร 100,000 คน ผู้เสียชีวิตจากโรคนี้อยู่ที่ประมาณ 3.4 รายต่อประชากร 100,000 คน ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับอดีต และนับเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการรณรงค์ให้ความรู้และเตือนให้ตรวจสุขภาพแต่เนิ่นๆ อย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตามเป็นโรคที่ตอบสนองกับการรักษาได้ดี และมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ ทำให้ทั่วโลกให้ความสำคัญ และตื่นตัวกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นอย่างมาก จึงยกให้วันที่ 15 กันยายน ของทุกปี ตรงกับ “วันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองโลก” ในปีนี้ “ชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย” เดินหน้าจัดกิจกรรมโดยมีไฮไลท์สำคัญภายในงานดังนี้
● เจาะลึกนวัตกรรมการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะมาร่วมพูดคุยถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ในการรักษา พร้อมเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยอย่างเจาะลึก
● พลังใจสู่แสงใหม่จากเรื่องจริงของผู้ป่วย: ในช่วง “Glowing Patients: แสงในตัวเรา” ร่วมรับฟังเรื่องราวจากประสบการณ์จริงของผู้ที่เคยป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและหายขาดเพื่อเป็นพลังและแรงบันดาลใจ
● เปิดตัวภาพยนตร์สั้น “THE LIGHT WITHIN (แสงแห่งความหวัง)”: ครั้งแรกกับการเปิดตัวภาพยนตร์สั้นสุดซึ้ง ที่จะพาไปสัมผัสเส้นทางของผู้ป่วยจากความมืดมิดสู่แสงสว่างแห่งความหวัง
● ศิลปินดังร่วมส่งต่อพลังใจผ่านกิจกรรมการกุศล: พบกับ ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้ว ที่จะมาร่วมเปิดตัวโครงการ”Growing Tote Bag” ซึ่งเป็นความร่วมมือพิเศษกับศิลปิน Artmeesri กระเป๋าดีไซน์พิเศษนี้เป็นตัวแทน “แสงสว่าง” แห่งกำลังใจ จำหน่ายในราคา 599 บาท เพื่อระดมทุนรายได้ทั้งหมดมอบให้ “ชมรมผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย”
● ประกาศผลรางวัล TikTok Challenge: ร่วมลุ้นและเป็นกำลังใจให้กับผู้ชนะในกิจกรรม “TIKTOK SHORT DRAMA: LYMPHOMA CHALLENGE” ที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้สร้างสรรค์คลิปวิดีโอสั้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรค
ผู้ป่วยและผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน สามารถติดต่อลงทะเบียนได้ที่ Line Official : @ThaiLymphoma
อีเมลล์ ThaiLymphoma@gmail.com และดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : ThaiLymphoma TikTok : @ThaiLymphoma # MIRACLE11: GLOW from WITHIN #ThaiLymphoma #WLAD2025

บรรยายใต้ภาพ : อดีตผู้ป่วย ‘สู้มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คุณภัคธินันท์ อัครลักษมีพัชร หรือ พลอย อายุ 33 ปี ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin lymphoma) ระยะ 4 เมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2566 เซลล์มะเร็งได้ลามไปที่กระดูกขา หลัง และสะโพกแล้ว ขั้นตอนการรักษา เริ่มยาเคมีบำบัดและยาพุ่งเป้ารวมทั้ง 12 ครั้ง ปัจจุบันผลการรักษาออกมาดีขึ้นระยะโรคสงบ แต่ต้องมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิดต่อไปทุก 3 เดือนมาแชร์เรื่องราวประสบการณ์ของตัวเองรวมทั้งส่งต่อกำลังใจดีๆ ตอกย้ำโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถรักษาหายได้ โดยมี ศ.นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย ร่วมให้ข้อมูล