มูฟเวนดี้ เครือข่าย NGO ด้านการควบคุมสุรานานาชาติ ห่วง รัฐบาลไทยรู้ไม่ทันกลยุทธ์กลุ่มทุนน้ำเมา
มูฟเวนดี้ เครือข่าย NGO ด้านการควบคุมสุรานานาชาติ ห่วง! รัฐบาลไทยรู้ไม่ทันกลยุทธ์กลุ่มทุนน้ำเมา เตรียมประเคนนโยบายเสรี เข้าทางทุนใหญ่ย้ำบทเรียนที่ผิดพลาดของเยอรมันเสียมากกว่าได้ถึง3 เท่า ขอรัฐบาลไทยยึดแนวทาง SAFER ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ควบคุมเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2024/03/02-22.jpg)
วันที่ 26 มี.ค. 2567 นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าว่า ตนได้เป็นตัวแทนจากประเทศไทย เข้าร่วมการประชุม Movendi International ซึ่งเป็นเครือข่าย NGO ด้านการรณรงค์ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จัดที่กรุงบราติสลาวา ประเทศสโลวาเกีย โดยมีกรรมการตัวแทนจากทวีปเอเชีย แอฟริกา อเมริกา อเมริกาใต้ และยุโรปเข้าร่วมประชุม ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์จากทุกภูมิภาคเห็นว่า มาตรการจากองค์การอนามัยโลก ยืนยันว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็น 1 ใน 9 ปัจจัยเสี่ยงต่อโรค NCD ที่ต้องควบคุม และได้ออกข้อแนะนำ SAFER Initiative ให้รัฐบาลแต่ละประเทศได้ใช้ในการกำหนดนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะ 1.การควบคุมโฆษณาส่งเสริมการขาย 2.การจำกัดสถานที่ดื่ม สถานที่ขาย รูปแบบการขาย วัน เวลา และอายุ 3. มาตรการทางด้านภาษี ซึ่งเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพ
“แผนปฏิบัติการควบคุมแอลกอฮอล์ ปี 2565-2572 (Global Alcohol Action Plan 2022-2030) ได้กำหนดกรอบการบรรลุเป้าหมายให้แต่ละประเทศในการลดอันตรายจากการดื่มลง 20% จากข้อมูลปี 2553 ซึ่งทางเครือข่ายฯ ได้ประเมินว่า มีกลุ่มประเทศในยุโรปและอเมริกาที่มีมาตรการที่เข้มแข็งขึ้น ได้แก่ รัสเชีย ลิทัวเนีย เอาทัวเนีย ไอร์แลนด์ และสก๊อตแลนด์ ซึ่งมีการห้ามโฆษณา ห้ามการส่งเสริมการขาย การเพิ่มภาษี ทำให้สถิติปัญหาต่างๆ ลดลงชัดเจน ส่วนประเทศที่ไม่ได้ปรับปรุงมาตรการ ได้แก่ เยอรมัน ฟินแลนด์ แคนาดา อเมริกา” นายธีระ กล่าว
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2024/03/03-24.jpg)
ด้านนาย Maik Dünnbier ผู้อำนวยการยุทธศาสตร์และนโยบาย Movendi International ตัวแทน NGO จากเยอรมัน กล่าวว่า เครือข่าย Movendi ได้ติดตามการทำตลาดของทุนแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ (Big Alcohol Exposed Project) ทั้งในยุโรป และญี่ปุ่น แบรนด์ยักษ์ใหญ่กว่า 10 แบรนด์โดยแนวโน้มทุนเหล่านี้จะมาทำตลาดในประเทศที่มีความชุกของการดื่มต่ำ เช่น อาเซียน อินเดีย แอฟริกา โดยประเทศเหล่านี้จะขาดกฎหมายควบคุมที่เข้มแข็งเหมือนไทย โดยอาศัยการทุ่มการโฆษณา กิจกรรมการตลาดลดราคา และการทำ CSR เพื่อให้การดื่มเป็นเรื่องธรรมดา โดยเน้นกลุ่มผู้หญิงเด็กเยาวชน เข้าไปทำกิจกรรมสอนให้ดื่มรับผิดชอบหรือดื่มแบบพอดี ซึ่งเป็นกลยุทธ์บังหน้า สร้างภาพลักษณ์ ที่เจ้าของแบรนด์ไม่ต้องรับผิดชอบในสินค้าตนเอง ข้อสังเกตคือ ขณะนี้สถิติการดื่มแอลกอฮอล์ของประเทศเพื่อนบ้านรอบไทยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไทยที่มีกฎหมายเข้มแข็งกว่า ทำให้ไทยสามารถชะลอการเพิ่ม ลดกระแสการตลาดได้ จึงไม่แปลกใจที่ธุรกิจเหล่านี้จะเข้าร่วมแทรกแซง แก้ไขกฎหมายของไทยเพื่อจะได้ทำการตลาดได้เต็มที่ เพราะไทยยังมีคนไม่ได้ดื่มอีกมาก
![](https://www.ebiznewstoday.com/wp-content/uploads/2024/03/04-15.jpg)
“บทเรียนของเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วมีเสรีในสินค้าน้ำเมา การศึกษาพบว่ามีความสูญเสียต่อเศรษฐกิจกว่า 15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่รัฐได้ภาษี 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขาดทุนกว่า 3 เท่า โดยการผูกขาดของทุนขนาดใหญ่ที่สามารถซื้อกลุ่มผู้ผลิตรายย่อย สุดท้ายผูกขาดยิ่งกว่าเดิม ด้านฝ่ายสาธารณสุขไม่สามารถเสนอกฎหมายควบคุมได้ แม้จะรู้ว่ามีปัญหามากมาย เพราะการแทรกแซงทางการเมืองของทุนขนาดใหญ่เหล่านี้ ตนเองจึงสนับสนุนประเทศไทย ไม่ควรจะให้กฎหมายถดถอยแต่ควรแก้ไขให้เข้มแข็งขึ้น ทั้งนี้เยอรมันจะมีเศรษฐกิจที่ดีกว่านี้ถ้ามีมาตรการที่เข้มแข็งแบบไทย” นาย Maik กล่าว