ในประเทศ

พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต 4 ครู 2 รุ่นพี่ ข่มขืน 3 นักเรียนมุกดาหาร  หลังก่อเหตุต่อเนื่องนานนับปี

อ่วม ! พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต 4 ครู 2 รุ่นพี่ ข่มขืน 3 นักเรียนมุกดาหาร  หลังก่อเหตุต่อเนื่องนานนับปี จนเป็นข่าวดังปี 63 ศาลยกฟ้องครู 2 ครู เหตุหลักฐานอ่อน  สั่งชดเชยค่าเสียหายทางแพ่งรวมเกือบ 3 ล้านพร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร  เวลา 09.00 น. ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษา  จากกรณีที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อต้นปี 2563 เมื่อ ครู 5 คน ภายหลังเพิ่มมาอีกหนึ่งรวมเป็น 6 และรุ่นพี่ 2 คน โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร ก่อเหตุข่มขืนรุมโทรม นักเรียนหญิง 3 คน เหตุเกิดต่อเนื่องยาวนานนับปี โดยนางทิชา ณ นคร ที่ปรึกษามูลนิธิกล่าวว่า  เคสนี้ทีมมูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว ได้พบกับนักเรียนและครอบครัวของนักเรียน หลังจากประเมินสถานการณ์ โดยเฉพาะการเบลมเหยื่อ การด้อยค่า การสะท้อนด้านดีงามของครูที่เป็นผู้กระทำ  เพื่อร่วมกันเยียวยา เสริมพลังใจ ร่วมกันทีมบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดมุกดาหาร กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในเบื้องต้น หลังจากนั้นได้ทำงานข้ามศาสตร์ ข้ามองค์กรกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อเสริมพลังใจ เปลี่ยนสถานะเหยื่อให้เป็นพยานผู้กล้าหาญ ก่อนเข้าสู่กระบวนการสืบพยานในศาล ได้ให้ความช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้เสียหายและครอบครัว รวมถึงได้แต่งทนายความช่วยเหลือด้านคดีความแก่ครอบครัวนักเรียนผู้เสียหาย ในคดีหมายเลขดำที่ อ. ๙๗๔/  ๒๕๖๓  ศาลจังหวัดมุกดาหาร รับฟ้อง เมื่อ วันที่ ๑ ก.ค. ๒๕๖๓

นางทิชา กล่าวอีกว่า ในคดีนี้จำเลยซึ่งเป็นครูถึง 6 คน ประกอบด้วยนายวิพจน์หรือพจน์ แสนสุข จำเลยที่ ๑  นายยุทธนาหรือยุทธหรือต้น ภู่ถนนนอก จำเลยที่ ๒  นายอานุภาพหรือตั๊ก บรรจง จำเลยที่ ๓  นายหรือว่าที่ ร.ต.สิทธินันท์หรือโก ณ หนองคาย จำเลยที่ ๔  นายเอกลักษณ์หรือ เกื้อหนองขุ่น จำเลยที่ ๕  นายชนะศักดิ์หรือหนุ่ม สาธุชาติ จำเลยที่ ๖  และรุ่นพี่อีก 2 คนคือนายพีรพงษ์หรือตั้ม พรมมา จำเลยที่ ๗  นายประวิทย์ ไชยเสนา จำเลยที่ ๘  โดยฐานความผิดคือ ร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อ การอนาจาร, ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไป เพื่อการอนาจาร, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร, ร่วมกัน กระทำชำเราเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน ร่วมกันกระทำชำเราเด็กหญิงอายุยัง ไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง กระทำชำเราเด็กหญิงอายุยัง ไม่เกินสิบห้าปี ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล อันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง, ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยผู้อื่น นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงเหตุเกิดที่บ้านพักครูในโรงเรียนแห่งหนึ่ง  ในอำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ตั้งแต่ วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ 2562 ถึงวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ 2563 ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน

“ในคดีนี้ศาลจังหวัดมุกดาหาร นัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐ ณ .ศาล จังหวัดมุกดาหาร แต่เนื่องจากจำเลยที่ 2 หลบหนี ศาลจึงออกหมายจับและนัดอ่านคำพิพากษาในนี้คือวันที่ 8 ธันวาคม 2566  โดยสรุปคำพิพากษาได้ดังนี้ จำเลย 1,2,3,5,6,7 จำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 4 และ 8 ซึ่งเป็นครู  ศาลยกฟ้อง สาเหตุยังพบ ข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงหรือไม่ จึงพิพากษายกฟ้อง ส่วนค่าเสียหายทางแพ่งโดยรวมของจำเลยทุกคน  ต้องชดใช้สูงเกือบ 3,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี” นางทิชา กล่าว

อนึ่งในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ นางทิชา ณ นคร ที่ปรึกษามูลนิธิฯและคณะ  จะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  เพื่อหารือมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียน ที่กระทรวงศึกษาธิการ และจะมีการจัดเวทีเพื่อถอดบทเรียนที่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้