การเงิน- หลักทรัพย์- ประกัน

ทำประกันชีวิตให้พ่อแม่ แบบไหนดีที่สุด ถึงจะคุ้มค่าและตอบโจทย์กับคนที่คุณรัก

การทำประกันชีวิตสำหรับพ่อแม่เป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม เนื่องจากเมื่อมีอายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายมีการลดลงซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดการเจ็บป่วยและโรคประจำตัวได้ง่ายขึ้น การทำประกันชีวิตสำหรับพ่อแม่เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีประเภทประกันชีวิตให้เลือกหลากหลายมากขึ้น ทำให้หลายคนไม่รู้ว่าควรเลือกประกันชีวิตแบบไหนที่ดีที่สุด ดังนั้นบทความนี้จะช่วยนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันชีวิต เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อประกันชีวิตที่ตอบโจทย์และคุ้มค่ากับคนที่คุณรักมากที่สุดได้อย่างถูกต้อง

ทำประกันชีวิตให้พ่อแม่แบบไหนดี

1.ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance)

ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาเป็นประกันชีวิตที่จะให้ความคุ้มครองกับผู้เอาประกันเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งอาจเริ่มต้นที่ 1, 5, 10, 12, 15 หรือ 20 ปี แต่จะให้ความคุ้มครองในกรณีของการเสียชีวิตเพียงอย่างเดียว

เมื่อครบอายุสัญญาและผู้เอาประกันยังคงมีชีวิตอยู่ก็จะถือเป็นสิ้นสุดสัญญา และผู้เอาประกันจะไม่ได้รับเงินชดเชย แต่การทำประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลามีข้อดีคือ มีการชำระเบี้ยประกันที่ถูกกว่าประกันชีวิตแบบอื่นๆ เป็นประกันที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบริหารความเสี่ยง ผู้ที่สามารถชำระเบี้ยต่ำแต่ต้องการความคุ้มครองสูง หรือผู้ที่ต้องการความคุ้มครองในระยะเวลาสั้นๆ

2.ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life Insurance)

ประกันชีวิตแบบตลอดชีพเป็นประกันชีวิตระยะยาวที่บริษัทประกันจะจ่ายเงินให้กับผู้ได้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ แต่หากยังคงมีอายุอยู่จนครบตามที่ได้กำหนดไว้ บริษัทประกันก็จะจ่ายเงินผู้เอาประกัน เป็นประกันที่เรียกได้ว่ามีข้อดีเป็นอย่างมาก เพราะให้ความคุ้มครองยาวนานเกือบทั้งชีวิต เหมาะสำหรับคนที่เป็นเสาหลักของบ้าน หัวหน้าครอบครัว หรือผู้ที่ต้องการมีมรดกให้กับลูกหลาน

3. ประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำ / แบบบำนาญ (Annuity Insurance)

ประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำ / แบบบำนาญเป็นประกันชีวิตที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณอายุ ผู้เอาประกันจะต้องชำระเงินเบี้ยประกันให้กับบริษัทประกันชีวิตเป็นจำนวนเงินที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์ ในระยะเวลาหนึ่งๆ

จะมีการจ่ายเงินประกันให้กับผู้เอาประกันเป็นประจำทุกปีจนกระทั่งครบระยะเวลาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยมีความคุ้มครองเหมือนกับประกันชีวิตแบบตลอดชีพ นอกจากนี้ประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดหย่อนภาระภาษีได้สูงสุดถึง 15% ของเงินที่ชำระเบี้ยประกัน แต่จะต้องไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี

4.ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment / Saving Insurance) เหมาะสำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับการออมเงิน เพราะเป็นประกันชีวิตที่นอกจากจะปกป้องชีวิตแล้วยังช่วยลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทได้ ผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนตามรายปีที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และเมื่อครบระยะสัญญาก็จะได้รับเงินอีกหนึ่งครั้ง

แต่ข้อเสียของประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์คือต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตที่สูงกว่าประกันชีวิตรูปแบบอื่น ๆ เป็นประกันชีวิตที่เหมาะสำหรับคนที่มีเป้าหมายในการใช้เงินในอนาคต

5.ประกันชีวิตแบบเฉพาะผู้สูงอายุเหมาะสำหรับซื้อให้กับพ่อแม่เป็นอย่างมาก ประกันชีวิตแบบนี้จะสามารถซื้อได้เมื่อมีอายุตั้งแต่ 50-70 ปี และไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพก่อนซื้อประกัน จะได้รับความคุ้มครองตามช่วงอายุที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ หากเป็นโรคในช่วง 2 ปีแรก ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร บริษัทจะคืนเบี้ยประกันชีวิตและบวกผลตอบแทนเล็กน้อย แต่หากเสียชีวิตตั้งแต่ปีที่ 3 ขึ้นไป บริษัทจะจ่ายเงินให้แบบเต็มจำนวนในทุกกรณี

การทำประกันชีวิตสำหรับพ่อแม่เป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://meprakan.com/