กรมศุลกากรแถลงจับกุมสินค้าผิดกฎหมายสามเดือนแรกปีงบประมาณพ.ศ. 2569มูลค่ากว่า 1,650 ล้านบาท
วันนี้ (29 ธันวาคม 2568) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวผลการจับกุมสินค้าผิดกฎหมายที่สำคัญในรอบสามเดือน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท โดยมี นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นายพีรพงศ์ รำพึงจิตต์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยาเสพติด 6 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และ พ.อ. กอบปิติ ถาวรพฤกษ์ ผู้อำนวยการกอง 12 สำนักปฏิบัติการข่าว ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย (ศรภ.) เข้าร่วมในการแถลงข่าวครั้งนี้ ณ ห้องโถง อาคาร 1 กรมศุลกากร

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหายาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย และดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้กับผู้บริหารกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ในการให้ความสำคัญกับการป้องกันปราบปรามยาเสพติด และการนำเข้า-ส่งออกสินค้าผิดกฎหมาย เพื่อเป็นการปกป้องสังคมและประชาชน โดยกำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบควบคุมการนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่มีความเสี่ยงในการทำผิดกฎหมายและก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมทางการค้า โดยให้บูรณาการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในระยะเวลาสามเดือนแรกของปีงบประมาณ 2569 กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายเป็นไปอย่างเข้มข้นในทุกมิติ

สำหรับสถิติการจับกุมสินค้าผิดกฎหมายที่สำคัญของกรมศุลกากร ในปีงบประมาณ 2569 (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 – 22 ธันวาคม 2568) มีผลการจับกุมในคดีสำคัญและคดียาเสพติดรวมทั้งสิ้น 510 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 1,650 ล้านบาท โดยเมื่อเปรียบเทียบข้อมูลในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ต.ค. – ธ.ค. 2567) พบว่าสามารถจับกุมคดีสำคัญได้จำนวนเพิ่มขึ้น 3 เท่าของในปีที่ผ่านมา และมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 6 เท่าโดยประมาณ สำหรับข้อมูลการจับกุมด้านยาเสพติด มีการจับกุมจำนวน 69 คดี มูลค่ารวมกว่า 184 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 48% ทั้งนี้ การจับกุมสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 มิติและ1 กลุ่ม โดยมีรายละเอียดในแต่ละมิติ ดังนี้
1. มิติความปลอดภัยต่อผู้บริโภค การป้องกันและปราบปรามสินค้าที่ไม่มีใบรับรองมาตรฐานสินค้า สินค้าไม่มีใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์ กรมศุลกากรได้กำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติงานโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งหากปล่อยให้มีการนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาจำหน่ายในประเทศ อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินได้ ทั้งนี้ ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมามีการตรวจพบและจับกุมคดีสำคัญจำนวน 55 คดี มูลค่ารวมกว่า 740 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้า ได้แก่ นาฬิกา รองเท้า กระเป๋าคละยี่ห้อ รวมถึงน้ำหอมและเครื่องสำอางต่าง ๆ จำนวนรวม 23 คดี ปริมาณกว่า 80,000 ชิ้น โดยมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 700 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการซุกซ่อน และลักลอบนำเข้ามาทาง ด่านศุลกากรในภาคอีสาน ภาคตะวันออก และท่าเรือแหลมฉบัง นอกจากนี้ยังมีการจับกุมสินค้าที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจำนวน 9 คดี ปริมาณรวมกว่า 150,000 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 36 ล้านบาท
2. มิติการปกป้องสังคม การป้องกันและปราบปรามสินค้าจำพวก บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า เหล้า ไวน์ ทองคำ ธนบัตร และการฟอกเงิน โดยมีการตรวจพบ และจับกุมคดีที่สำคัญสำหรับสินค้าในมิตินี้จำนวนรวม 238 คดี มูลค่ากว่า 520 ล้านบาท สินค้าดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพ สวัสดิภาพ รวมถึงความปลอดภัยของประชาชนในสังคมเป็นอย่างมาก โดยกรมศุลกากรได้บูรณาการการดำเนินงานร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในการเข้าตรวจค้นบ้านในพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร จนสามารถจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และอื่น ๆ จำนวนกว่า 180,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 41 ล้านบาทได้เป็นผลสำเร็จ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สามารถจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าได้แล้วเป็นจำนวน 414,974 ชิ้น มูลค่า 65 ล้านบาท รวมถึงสามารถจับกุมบุหรี่มวนได้ถึง 49 คดี มูลค่ารวม 41 ล้านบาท จำนวนรวม 5.3 ล้านมวน นอกจากนี้ ยังได้มีการตรวจพบและจับกุมก๊าซไนตรัสออกไซด์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ก๊าซหัวเราะ (Happy Gas) บรรจุในกระบอกอัดแรงดันสูง ปริมาณ 5,184 กระบอก (กระบอกละ 5 กิโลกรัม) มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 85 ล้านบาท ซึ่งนำเข้ามาทางท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบัง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการนำก๊าซไนตรัสออกไซด์ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อาจจะทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ สำหรับการตรวจสอบผู้เดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการตรวจยึดจับกุมวัตถุคล้ายทองคำ จำนวน 5 คดี น้ำหนักรวมกว่า 9 กิโลกรัม มูลค่ารวมประมาณ 39 ล้านบาท
3. มิติการปกป้องเศรษฐกิจในประเทศ การป้องกันและปราบปรามสินค้าหลีกเลี่ยงอากร สินค้าที่แสดงถิ่นกำเนิดเป็นเท็จ สินค้าที่หลีกเลี่ยงอากรทุ่มตลาด สินค้าเกษตร ซึ่งหากปล่อยให้สินค้าเหล่านี้เข้ามาจำหน่ายในประเทศจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตสินค้า และผู้ประกอบการในไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากสินค้าเหล่านี้จะมีต้นทุนที่ต่ำลง และสามารถเข้ามาแข่งขันกับสินค้าของไทยได้ ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้มีการตรวจพบ และจับกุมคดีที่สำคัญสำหรับสินค้าในมิตินี้จำนวนรวมถึง 139 คดี มูลค่า 196.04 ล้านบาท แบ่งเป็นสินค้าที่แสดงถิ่นกำเนิดเป็นเท็จ จำนวน 9 คดี มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจรวมกว่า 97 ล้านบาท จำนวนรวม 185,373 ชิ้น โดยสินค้าที่ถูกจับกุมได้แก่ พรม ผ้าม้วน กระดาษทิชชู่ หม้อทอดไร้น้ำมัน ไฟแช็ก ภาชนะกระดาษชานอ้อย ถาดเตาอบกึ่งสำเร็จรูป โช้คอัพ ถ้วยกระดาษพร้อมฝา และสินค้าที่หลีกเลี่ยงอากรทุ่มตลาด คดีสำคัญจำนวน 7 คดี ปริมาณกว่า 97 ตัน มูลค่าสินค้ารวมถึง 4.4 ล้านบาท สามารถจัดเก็บอากรทุ่มตลาดได้กว่า 7.6 ล้านบาท
4. มิติการปกป้องสิ่งแวดล้อม การป้องกันและปราบปรามขยะข้ามพรมแดน สิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์ และวัตถุอันตราย กรมศุลกากรได้มีการตรวจพบ และจับกุมคดีที่สำคัญสำหรับสินค้าในมิตินี้จำนวน 9 คดี มูลค่า 5.11 ล้านบาท โดยมีกรณีจับกุมที่สำคัญ ได้แก่ สารกำจัดวัชพืช (Cyclosinone หรือ Cycloazine) นำเข้ามาทางท่าเรือแหลมฉบัง ปริมาณ 12,000 ถุง น้ำหนัก 6,000 กิโลกรัม มูลค่า 600,000 บาท ซึ่งยังไม่มีการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายทางการเกษตรในประเทศไทย และมีการจับกุมขยะอิเล็กทรอนิกส์ปริมาณ 430,000 กิโลกรัม ซึ่งอยู่ในกระบวนการผลักดัน กลับไปยังประเทศต้นทาง นอกจากนี้ยังมีการจับกุมซากจระเข้ กระเพาะปลาแห้ง ค่าง 5 สี และอิกัวนา อีกด้วย
5. กลุ่มยาเสพติด การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทุกประเภท เช่น ยาบ้า เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) เฮโรอีน MDMA โคคาอีน เมฟิโดรน เคตามีน เป็นต้น กรมศุลกากรได้มีการตรวจพบ และจับกุมคดียาเสพติดที่สำคัญ รวมเป็นมูลค่า 184 ล้านบาท แบ่งเป็นการจับกุมยาบ้าปริมาณรวม 300,000 เม็ด มูลค่ารวม 46 ล้านบาท โซพิโคลน (ZOPICLONE) จำนวน 300,000 เม็ด มูลค่า 42 ล้านบาท เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ปริมาณรวม 459,275 กรัม มูลค่ารวม 30 ล้านบาท โดยมีกรณีจับกุมที่สำคัญ ได้แก่ การจับกุมหญิงชาวอินเดีย ซุกซ่อนเฮโรอีนไว้ในสัมภาระ น้ำหนักรวม 15,640 กรัม ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ปลายทางประเทศไนจีเรีย มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท การตรวจยึดเฮโรอีนส่งออก จำนวน 1,520 กรัม มูลค่า
4 แสนบาทปลายทางออสเตรเลีย และได้บูรณาการร่วมกับกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย (ศรภ.) ขยายผลจับกุมชาวเวียดนามอีก 5 ราย และสามารถตรวจยึดไอซ์ MDMA ยาอี โคคาอีน คีตามีน ไนเมตาซีแพม ได้เพิ่มเติม อีกด้วย





อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความสำเร็จในการจับกุมสินค้าผิดกฎหมายในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการบูรณาการร่วมกันของทุกหน่วยงาน กรมศุลกากรและทุกหน่วยงานจะร่วมกันปฏิบัติงานเพื่อปกป้องประชาชนและสังคมให้ปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืนต่อไป

