“พิพัฒน์” เปิดงานปีใหม่ 2569 ผนึกภาคีรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ” ปล่อยแถวตำรวจดูแลประชาชนปีใหม่
“พิพัฒน์” เปิดงานปีใหม่ 2569 ผนึกภาคีรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ” ปล่อยแถวตำรวจดูแลประชาชนปีใหม่ มูลนิธิเมาไม่ขับ-สสส.-การรถไฟแห่งประเทศไทย-บขส.-ภาคีเครือข่ายภาครัฐ-เอกชน เดินหน้ารณรงค์ ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน สสส. ผนึกกำลังเครือข่าย รณรงค์ “ดื่มไม่ขับ” หนุนตั้งด่านหวังดี-ปากหวาน ลดสูญเสียบนถนนช่วงเทศกาลปีใหม่

มูลนิธิเมาไม่ขับร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท ขนส่ง จำกัด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับ ภาครัฐ ภาคเอกชน จัดกิจกรรมรณรงค์ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน ถวายเป็นพระราชกุศลพระพันปีหลวง และปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความปลอดภัยประชาชนโดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมเป็นเกียรติ ซึ่งบรรยากาศในงานมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องอันตรายจากการเมาแล้วขับ มีสติ๊กเกอร์แผ่นพับ และคู่มือการเดินทางปีใหม่อย่างไรให้ปลอดภัย

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่อง 5 วัน และมีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านฉลองปีใหม่จำนวนมาก ทางกระทรวงคมนาคมจึงดูแลเรื่องความปลอดภัยอุบัติเหตุอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน กระทรวงคมนาคม มีนโยบายที่สำคัญคือต้องอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชน โดยจะเข้มงวดกวดขันผู้ขับขี่ต้องปลอดจากแอลกอฮอล์ ตรวจเข้มในเรื่องการเมาแล้วขับ การขับรถเร็ว การโทรแล้วขับ ฯลฯ หากตรวจพบว่าพนักงานขับรถมีปริมาณแอลกอฮอล์ จะมีการลงโทษสถานหนักถึงขั้นไล่ออก ให้ออก ตัดเงินเดือนหรือพักงาน “ผู้ขับขี่รถสาธารณะเป็นบุคคลที่ต้องรับผิดชอบชีวิตผู้อื่นเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานในการขับขี่รถที่สูงกว่าผู้ขับขี่รถทั่วไป การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่เพียงเล็กน้อยถือว่าเป็นเจตนาที่จะละเมิดกฎแห่งความปลอดภัย ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วฐานดื่มสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่ และผิดกฎหมายขนส่งโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กระทรวงคมนาคม เห็นด้วยที่จะมีแก้ไขกฎหมายเมาแล้วขับ ให้มีบทลงโทษที่หนักขึ้น โดยเฉพาะคนที่เมาแล้วขับชนคนเสียชีวิตต้องถูกจำคุกเพื่อให้เกิดความเกรงกลัว และไม่กล้าฝ่าฝืนกฎหมายเมาแล้วขับ
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องจัดการคนที่เมาแล้วขับอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้ที่คิดจะเมาแล้วขับ ไตร่ตรอง ฉุกคิด ประเมินความเสี่ยงว่าคุ้มหรือไม่ ที่จะเสี่ยงละเมิดกฎหมายเมาแล้วขับ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าศาลทั่วประเทศใช้ดุลพินิจในการตัดสินลงโทษคนที่เมาแล้วขับ โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมเมาแล้วขับซ้ำซาก หรือคนที่เมาแล้วขับไปชนคนเสียชีวิต ด้วยโทษสถานหนัก จำคุกไม่รอลงอาญา หรือกรณีเมาแล้วขับใช้โทษกักขัง โดยเฉพาะในช่วง 7 วันอันตราย กักขัง 7 วัน ตนเชื่อว่า คนเมาบนท้องถนนจะลดลงไปอย่างมาก

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การป้องกันอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับในช่วงเทศกาลปีใหม่ จำเป็นต้องดำเนินการทั้งมาตรการทางกฎหมายและสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในสังคม การดื่มแล้วขับเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน ครอบครัว และสังคม และยังพบว่าผู้เสียชีวิตจำนวนมากมักเกิดเหตุในระยะใกล้บ้าน ในรัศมีประมาณ 5-10 กิโลเมตรจากที่พักอาศัย สสส. จึงสนับสนุนการดำเนินงานเชิงป้องกันในระดับพื้นที่ สนับสนุนการตั้ง “ด่านหวังดี”ป้องปรามผู้ที่ดื่มแล้วขับ ใน 12 เขต จำนวน 78 จุด ในกรุงเทพฯ และ “ด่านชุมชนปากหวาน” ทั่วประเทศ โดยใช้การพูดคุย เตือนสติ และดูแลกันด้วยความห่วงใย ช่วยสกัดไม่ให้ผู้ที่มีอาการมึนเมาลงถนน พร้อมเชิญชวนสถานประกอบการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ผู้ที่มีอาการมึนเมา และช่วยดูแลไม่ให้ผู้ดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะ เพื่อร่วมกันลดการสูญเสียในช่วงเทศกาลปีใหม่และตลอดทั้งปี

