ในประเทศ

อดีตที่ปรึกษา WHO ไม่เห็นด้วยกับการสอบใบขับขี่หรือต่อใบอนุญาตแบบออนไลน์ ระบุ“ไทย”มีการบังคับใช้กฎหมายจราจรและขนส่งอ่อนแอสุด

องค์การอนามัยโลก หลักสูตรอบรมการขับขี่แบบเร่งรัดไม่มีผลลดอุบัติเหตุในกลุ่มวัยรุ่น ขณะที่อดีตที่ปรึกษา WHO ไม่เห็นด้วยกับการสอบใบขับขี่หรือต่อใบอนุญาตแบบออนไลน์ ระบุ“ไทย”มีการบังคับใช้กฎหมายจราจรและขนส่งอ่อนแอสุด ทั้งสอบออนไลน์ อบรมเร่งรัด ซึ่งหลายประเทศยกเลิกแล้ว ไม่แปลกใจที่ทำไมไทยครองแชมป์ “ตาย”จากจักรยานยนต์สูงสุดในโลก

พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ (Regional advisor WHO SEARO, Ret.)ในฐานะหัวหน้าโครงการขับเคลื่อนไทยปลอดจากภัยจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า โดยความเห็นส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยกับการสอบใบขับขี่ในระบบออนไลน์ ที่สามารถใช้การอบรมเพียง 1 ชั่วโมงเพื่อต่อใบอนุญาตขับขี่ได้ เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ ขณะที่ต่อใบขับขี่หรือใบอนุญาตขับรถขนส่ง (ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถส่วนบุคคลชนิดที่ 1-4, ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถทุกประเภทชนิดที่ 1-4) ใช้ระยะเวลาในการอบรมออนไลน์ 2 ชั่วโมง ใบขับขี่หรือใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถจักรยานยนต์สาธารณะ รถยนต์สามล้อสาธารณะ รถยนต์สาธารณะ) ใช้เวลาในการอบรมออนไลน์ 3 ชั่วโมง และในกรณีที่ใบขับขี่หรือใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราว ประเภทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ สิ้นอายุเกิน 3 ปี ก็เพิ่มเวลาอบรมอีก 1 ชั่วโมงเป็น 2 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ตอบโจทย์ได้ว่า กฎหมายจราจรและขนส่งของประเทศไทยอ่อนแอสุด

อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ ยังบอกด้วยว่า มีงานวิจัยจำนวนมากระบุตรงกันว่า โปรแกรมการฝึกอบรมการขับขี่รถจักรยานยนต์ แบบวันเดียว แม้จะสามารถพัฒนาทักษะการรับรู้ความเสี่ยงในระยะสั้น(Hazard Perception)ได้บ้าง แต่ไม่ได้ส่งผลเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อการลดอุบัติเหตุในระยะยาวในกลุ่มวัยรุ่น ขณะที่งานวิจัยแบบสุ่มควบคุมในออสเตรเลีย โดยIVERS ET AL.ปี 2016 พบว่าหลักสูตรอบรมความปลอดภัย 4 ชั่วโมงสำหรับเยาวชน ไม่ได้ผลในการลดอุบัติเหตุ หรือจำนวนใบสั่งภายใน 12 เดือนหลังอบรมและในบางกรณีผู้เข้าอบรมรมกลับมีพฤติกรรมขับรถเร็วมากขึ้น

“งานวิจัยเกือบทุกที่ได้ผลตรงกันว่า ไม่มีความแตกต่างด้านอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการอบรมการขับขี่แบบเร่งรัด แถมยังมีแนวโน้มการขับเร็วมากขึ้นหลังจบหลักสูตร กลายเป็นว่า ยิ่งอบรม ยิ่งเสี่ยง เมื่อผู้ขับขี่ที่เข้าอบรมมีความมั่นใจเกินจริงจนกลายเป็นภัยบนท้องถนน ที่สำคัญขนาดในต่างประเทศอบรม 4 ชั่วโมงยังเสี่ยงแต่ในประเทศไทยอบรมแค่ชั่วโมงเดียว จะเสี่ยงมากกว่าขนาดไหน” พญ.ชไมพันธุ์ กล่าวและว่างานวิจัยของ SAVOLAINEN&MANNERINGZ (2007)ในรัฐอินเดียนนา สหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่ผ่านการอบรมขับขี่กลับมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากกว่าผู้ที่ไม่ได้อบรม เนื่องจากเกิดความมั่นใจเกินจริงในทักษะของตนเองทำให้ขับรถเสี่ยงมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

คุณหมอชไมพันธุ์ ระบุว่า องค์การอนามัยโลก ระบุว่าหลักสูตรอบรมแบบเร่งรัดมักไม่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในการลดอุบัติเหตุในกลุ่มวัยรุ่น เทียบเท่ากับหลักสูตรระยะยาวหรือระบบใบอนุญาตแบบแบ่งชั้น หรือ Graduated Driver Licensing – GLS ที่ใช้ในการออกใบอนุญาตขับขี่ให้กับผู้ขับขี่มือใหม่ โดยมีการแบ่งช่วงชั้นของใบอนุญาตตามประสบการณ์และอายุของผู้ขับขี่ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

“หลายประเทศในโลกยกเลิกโปรแกรมสอนเยาวชนขับขี่ในโรงเรียนมัธยมแล้วยกเว้นไทย”พญ.ชไมพันธุ์ ระบุและว่า แทนที่จะอบรมแบบเร่งรัดหรือสอบใบขับขี่แบบออนไลน์ งานวิจัยทั่วโลกแนะนำให้ยืดอายุการเริ่มขับขี่ออกไป เช่น จากอายุ 15 เป็น 16 หรือ 18ปี ก่อนสอบใบขับขี่ต้องไปเรียนการขับขี่ และสอบใบขับขี่ตามเกณฑ์อายุ ให้ทุกประเทศใช้ระบบใบขับขี่แบบเป็นขั้นบันได หรือ graduated driver license ที่มีข้อจำกัด เช่น ให้ขี่เฉพาะรถจักรยานยนต์ที่ความ เร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผู้ปกครองต้องเป็นผู้ฝึกขับขี่ด้วยตนเองบนถนน ห้ามขับกลางคืน ห้ามมีคนซ้อนท้ายยกเว้นผู้ปกครองที่ฝึกขับขี่ให้เท่านั้น ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ และ หลังจาก1-2 ปีถ้าไม่ทำผิดกฎหมายจราจรหรือขนส่งเลยจึงเลื่อนไปสอบใบขับขี่ 5 ปีได้