ภาคประชาสังคม ขอบคุณสภา ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ถอนร่างพ.ร.บ.Entertainment Complex ที่มีกาสิโน
ภาคประชาสังคม ขอบคุณสภา ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ถอนร่างพ.ร.บ.Entertainment Complex ที่มีกาสิโน ด้านธนากรชี้บทเรียน 3 ประการที่ฝ่ายการเมืองต้องตระหนัก ขอบคุณทุกเสียงประชาชนที่ร่วมกันแสดงออก

วันนี้ 11 ก.ค.68 นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ก่อนอื่นขอขอบคุณการทำหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ถอนร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรออกไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อย่างน้อยก็เป็นการถอนฟืนจากกองไฟ ช่วยทำให้สังคมไทยสงบเย็นลงไประดับหนึ่ง เพื่อจะตั้งสติและใช้ปัญญาคิดหาทางออกในเรื่องอื่น ๆ บทเรียนสำคัญที่อยากฝากให้ผู้กำหนดนโยบายได้ทบทวนต่อกรณีการผลักดันร่าง Entertainment Complex นี้ในมุมของภาคสังคมมีอย่างน้อย 3 ประการ คือ 1.ความไม่ชัดเจนในผลประโยชน์และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องยอมรับว่าสังคมปัจจุบันประชาชนต้องการข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อประกอบการตัดสินใจ การเสนอภาพขายฝันที่พูดแต่ด้านดีจนน่าเกลียด โดยไม่สามารถแสดงที่มาที่ไปของตัวเลขว่ามีวิธีคิดคำนวณมาอย่างไรที่ทำให้สังคมคิดตามไม่ได้ จึงไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ จะเป็นการดีอย่างยิ่งหากรัฐบาลเสนอแบบจำลองทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม บนพื้นฐานของการศึกษาทุกมิติอย่างรอบด้านแบบเดินทีละก้าวทานข้าวทีละคำ ไม่กระทำการข้ามขั้น สังคมอาจยอมรับฟังมากกว่านี้
“ 2.ความไม่มั่นใจในเป้าหมายและการดูแลปัญหาสังคม รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่านี่คือเรื่องใหญ่ ทุกประเทศทั่วโลกล้วนเจอแรงต้านด้านนี้ แต่รัฐบาลกลับดูเบา ไม่ให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์เรื่องสังคม พูดกลับไปกลับมา หรือย้อนแย้งกันเองว่า “กลุ่มลูกค้าหลักคือใคร โดยเฉพาะกิจการกาสิโน -นักพนันคนไทยหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ?” พอตอบได้ไม่ชัด แล้วพยายามมาบ่ายเบี่ยงด้วยตัวเลขไม่เกิน 10% ของกาสิโน ยิ่งออกอาการเหมือนกำลังกลบเกลื่อนความจริง รวมทั้งการพยายามเอ่ยอ้างว่าจะดูแลปัญหาอย่างนั้นอย่างนี้แบบพูดแต่ “what” แต่ไม่พูด “how” ให้ชัดว่าจะทำอย่างไร ให้หน่วยงานใดรับผิดชอบ รวมทั้งให้มีมาตรการและกลไกมาสนับสนุน เรื่องนี้จึงฟังดูก็รู้ว่าเป็นการพูดแค่ให้พอผ่าน ๆ ไปได้เท่านั้น และ 3.ความไม่เชื่อมั่นในความโปร่งใส ความไม่ตรงไปตรงมาดูจะเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบทางสังคม การไม่เคยหาเสียงไว้ การพยายามซุกกาสิโนไว้ใต้พรมเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แบบจงใจเลี่ยงบาลีเพื่อเบี่ยงประเด็น การพยายามออกเป็นกฎหมายพิเศษที่ไม่ต้องไปเข้าตามตรอกออกตามประตูของพ.ร.บ.การพนัน อีกทั้งไปยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายอื่นอีกหลายฉบับ การให้อำนาจคล้ายการตีเช็คเปล่าให้คณะรัฐมนตรีและซุปเปอร์บอร์ดกำหนดผลประโยชน์ในทุกเรื่องแบบยืดหยุ่น ไม่ชัดเจนในแนวคิดและอัตราการเก็บภาษี ตัวเลขเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมทั้งหลายกำหนดแต่ขั้นสูงโดยไม่มีขั้นต่ำ การเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมของภาคส่วนอื่นที่น้อยมาก ไม่ได้คิดถึงท้องถิ่น-ไม่จริงใจกับการรับฟังความเห็นประชาชน-และอื่น ๆ” นายธนากร กล่าว
นายธนากรกล่าวอีกว่า ฝ่ายการเมืองควรมีบทเรียนว่า “กาสิโนเป็นโจทย์ยาก” หากรัฐบาลใดต้องการจะผลักดันต้องทำการบ้านอย่างรอบคอบรอบด้านแบบไม่สุกเอาเผากิน และเตรียมความพร้อมการนำเสนอของตนเองที่มากพอ เพราะตราบใดที่ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและเชื่อใจแก่ประชาชนได้ เรื่องนี้ก็จะกลายเป็น บูมเมอแรงย้อนกลับไปหารัฐบาลเรื่อยไป

ดร.ศรีดา ตันทะอธิพานิช ในฐานะผู้แทนเครือข่ายสิทธิเด็กประเทศไทย 42 องค์กร กล่าวว่า “เครือข่ายเรามีความเห็นว่าในแง่ของการคุ้มครองเด็กและเยาวชน หน้าที่ของรัฐไม่ใช่แค่ไม่ทำร้ายเด็ก แต่ต้องปกป้องคุ้มครองพวกเขาอย่างดีที่สุด จากสิ่งยั่วยุที่บ่อนทำลายอนาคต ทั้งทางพฤติกรรม เศรษฐกิจ จิตใจ และคุณธรรม การจะอ้างนำกิจการพนันมาเป็นแหล่งรายได้เพื่อการพัฒนาประเทศ เท่ากับยอมรับว่า “ความเสี่ยง คือพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย” เลือกรวยทางลัดด้วยการขายความเสื่อม อยากให้รัฐบาลคิดในอีกมุมหนึ่งว่า เด็กควรเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ได้รับการหล่อหลอมจากแบบอย่างที่ดี มีพื้นที่เรียนรู้ที่สร้างสรรค์ รัฐควรมุ่งพัฒนาเด็กด้วยการทุ่มการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์อย่างเต็มที่ เพื่อผลประโยชน์ในระยะยาวมากกว่า”

ด้านนายเชษฐา มั่นคง ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก กล่าวว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ที่ส่งผลให้มีการถอนวาระเรื่องนี้ออกไปจากการพิจารณาของสภา แต่ผลของมันคือการยุติเรื่องนี้อย่างเป็นทางการตามกลไกของสภา ซึ่งมิได้หมายความว่ามันจะกลับเข้ามาอีกไม่ได้ในวันข้างหน้าที่เสียงในสภาของรัฐบาลมากพอ แต่ตอนนี้มันจบแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันส่งเสี่ยงความไม่ต้องการของประชาชน แง่มุมทางวิชาการ ความห่วงใยที่สะท้อนออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกันทั้งในสภาและนอกสภา สุดท้ายเรื่องแนวคิดเอาสิ่งที่ผิดกฎหมาย ของใต้ดินขึ้นมาบนดิน มิใช่ว่าจะเกิดไม่ได้เลยในสังคมไทย เพียงแต่ก่อนที่ผลักดันสิ่งเหล่านี้ของฝ่ายการเมืองหรือพรรคการเมืองใดก็ตาม มีหลายอย่างที่ควรทำให้ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ โปร่งใสเสียก่อน คือการศึกษาที่รอบด้านไม่ใช่มัดมือชก ต้องสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจ และการป้องกันแก้ไขปัญหาที่สำคัญหลักๆคือ การทุจริตคอรัปชั่น การฟอกเงินและการช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการพนัน อันนี้สำคัญมากซึ่งรัฐบาลต้องทำให้สำเร็จเป็นรูปธรรมก่อน เพราะหากยังเป็นกันอยู่แบบทุกวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับหารวางระเบิดเวลาบ้านตัวเอง สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลที่ร่วมกันตัดสินใจถอนไฟออกจากกองเพลิง