สสส. สานพลัง สกสว.-จุฬาฯ MOU เร่งพัฒนาแผนจัดการทรัพยากรชายฝั่ง-ภัยพิบัติ พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ยั่งยืน
น่าห่วง! ไทยเผชิญปัญหาวิกฤตสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเล ผลสำรวจเผย ปะการังฟอกขาวสูง 30% ปี 67 พบคนไทย ได้รับไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกาย พุ่ง 50,000 ชิ้น เสี่ยงป่วยโรคทางเดินอาหาร-ระบบฮอร์โมน-เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง สสส. สานพลัง สกสว.-จุฬาฯ MOU เร่งพัฒนาแผนจัดการทรัพยากรชายฝั่ง-ภัยพิบัติ พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ยั่งยืน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 ธ.ค. 2568 ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการสนับสนุนการบริหารทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมชายฝั่งและการจัดการต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันและทะเลอ่าวไทย เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ชายฝั่ง ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area Based) และการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs)

โดย นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ไทยกำลังเผชิญปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน เช่น ขยะทะเลที่เพิ่มมากขึ้นและพิษจากไมโครพลาสติกที่กำลังเป็นปัญหาใหม่ จากข้อมูลกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ปี 2567 โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พบว่า คนไทยได้รับไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายประมาณ 50,000 ชิ้นต่อคนต่อปี เสี่ยงป่วยโรคทางเดินอาหาร ระบบฮอร์โมน และเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งสาเหตุจากพลาสติกไหลจากแม่น้ำลงสู่ทะเล และสัตว์น้ำบริโภค ส่งผลให้ไมโครพลาสติกปนเปื้อนห่วงโซ่อาหาร ขณะที่ภาคใต้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งยาวกว่า 823.06 กิโลเมตร สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งปลูกสร้างบริเวณชายฝั่ง ส่งผลต่อชุมชนและท้องถิ่น ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเพิ่มขึ้นสูงถึง 30% ของพื้นที่ปะการังทั่วประเทศนอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้เกิดภัยพิบัติ เช่น ปรากฏการณ์ Rain bomb ที่ทำให้ฝนตกหนักฉับพลันในพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย ทั้งหมดนี้ล้วนกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และระบบนิเวศ
นพ.พงศ์เทพ กล่าวต่อว่า ความร่วมมือกับ สกสว. และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในครั้งนี้ เพื่อร่วมขับเคลื่อน 1.ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมด้านการบริหารทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมชายฝั่ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2.บูรณาการองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมขับเคลื่อนทางสังคม 3.พัฒนาศักยภาพชุมชนให้เกิดการจัดการอย่างเป็นระบบและเชื่อมโยงกับภาครัฐและเอกชน 4.สร้างความร่วมมือระหว่างกองทุนภาครัฐและภาคีเครือข่าย เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดย สสส. ร่วมสนับสนุนใน 4 มิติ 1.สร้างเสริมสุขภาพควบคู่การขับเคลื่อนและสนับสนุนการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม 2.พัฒนายุทธศาสตร์ด้านการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมให้เชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์ของ สสส. 3.ส่งเสริมการรวมกลุ่มผู้ประกอบการและสร้างเครือข่ายในพื้นที่ และ 4.สนับสนุนกิจกรรมขับเคลื่อนในพื้นที่ชายฝั่ง เพื่อให้การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมชายฝั่งเกิดประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดกลไกการทำงานที่เข้มแข็ง

ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีบุคลากรทั้งอาจารย์และนักวิจัยจากหลายคณะร่วมขับเคลื่อนงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เข้มแข็ง เช่น สาขาธรณีวิทยาและวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมแหล่งน้ำและวิศวกรรมสำรวจ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภูมิศาสตร์กายภาพและภูมิศาสตร์มนุษย์ คณะอักษรศาสตร์ ตลอดจนสถาบันวิจัยสังคมและสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน โดยใช้งานวิจัยขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ผ่านมาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดให้มีการเรียนการสอนและการทำงานวิจัยที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสากล (SDGs) ความร่วมมือกับ สสส. และภาคีเครือข่ายในครั้งนี้ จะตอกย้ำถึงพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถให้พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมในมิติต่างๆ นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า สกสว. มีภารกิจในการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานและกองทุนต่างๆ เพื่อส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนและสนับสนุนการพัฒนาบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันและทะเลอ่าวไทย โดยเป็นตัวกลางในการประสานงานหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัย (PMUs) หน่วยงานทุนสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund) หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และพัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านการวิจัย สำหรับการสนับสนุนการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมชายฝั่งในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันและทะเลอ่าวไทย นอกจากนี้ ยังมุ่งเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์ด้านการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมชายฝั่ง โดยบูรณากับแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

