การเงิน- หลักทรัพย์- ประกัน

PJW โชว์กำไรสุทธิ 115 ลบ.

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 115 ล้านบาท และมีรายได้รวมเท่ากับ 2,819 ล้านบาท ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้บริษัทฯสามารถรักษาการทำกำไรไว้ได้ จากการบริหารต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมีการ Lock Down ทั่วประเทศ ในขณะที่ยอดขายเริ่มฟื้นตัวของกลุ่มบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นทั้งส่วนของประเทศไทยและประเทศจีนและส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มมีคำสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์เข้ามาเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3  อย่างไรก็ดีในภาพรวมของยอดขาย ปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบของโควิด-19 นั้นลดลงประมาณ 6% เมื่อเทียบกับยอดขายของ ปี 2562

 “ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และชิ้นส่วนรถยนต์ในปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากสถานการณ์โควิดโดยเลวร้ายที่สุดในช่วงไตรมาส 2/2563 ซึ่งบริษัทมีนโยบายลดต้นทุน และบริหารประสิทธิภาพกำลังการผลิตจนสามารถมีผลประกอบการเป็นบวก ขณะที่ในไตรมาสที่ 3 ที่ยอดขายเริ่มฟื้นตัว และบริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนต่อเนื่องมาจากไตรมาส 2  เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากลูกค้า คู่ค้า และโดยเฉพาะจากพนักงานที่มีการติดตามสถานการณ์ และสื่อสารข้อมูลเพื่อให้เกิดต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงบริษัทยังคงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จากการบริหารเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงคุณภาพของสินทรัพย์ โดยเฉพาะลูกหนี้การค้า และสินค้าคงคลัง รวมถึงยังได้อานิสงส์จากยอดขายไตรมาส1/2563 จึงทำให้ยังมีสภาพคล่องที่เพียงพอ และสามารถรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีการ Lock down ในไตรมาส 2 ได้เป็นอย่างดี”

เขากล่าวอีกว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯคาดว่า ตลาดบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ และสามารถส่งออกไปต่างประเทศ ขณะเดียวกันจะเห็นว่าผู้ผลิตรถยนต์เปิดโรงงานและมียอดสั่งซื้อกลับเข้ามาเป็นปกติแล้ว ในส่วนของบรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยวยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว ทำให้ส่วนยอดขายร้านกาแฟและโรงแรมลดลง แต่ก็มีส่วนยอดขายของลูกค้ารายใหม่ที่จะเข้ามาในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม แม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสองจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรก แต่บริษัทฯมีความมั่นใจว่า ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทในปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้มากขึ้น ทั้งจากการเริ่มมีการบริหารจัดการและผลของการเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในวงกว้าง