ในประเทศ

ภาคประชาชน ร้อง สธ. ฟันตู้อัตโนมัติขายเหล้าเบียร์ เร่งคลอดกฎหมายลูก

ภาคประชาชน ร้อง สธ. ฟันตู้อัตโนมัติขายเหล้าเบียร์ ทั้งที่ยังไม่มีกฎหมายลูก อัดผู้ประกอบการต้องเคารพกฎหมายให้มากกว่าประโยชน์ตัวเอง  ชง สธ. เร่งคลอดกฎหมายลูก และประชาสัมพันธ์ พ.ร.บ.น้ำเมาฉบับใหม่ 

วันนี้ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. ที่อาคารสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายธีระ  วัชรปราณี ผู้อำนวยการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า นายชูวิทย์  จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์และภาคีเครือข่ายกว่า 40 คน  นำหลักฐานการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยตู้อัตโนมัติ  เข้าร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  พร้อมชงข้อเสนอ ก่อนพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568

​นายชูวิทย์  จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่าเราเป็นองค์กรภาคประชาชนที่มีเจตนารมณ์ในการรณรงค์ลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  และปัจจัยเสี่ยงต่อชุมชน ต่อเด็ก เยาวชนและครอบครัว  ตลอดจนสนับสนุนภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง ในการทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุภารกิจในการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ที่ผ่านเครือข่ายได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาชิก  พบว่ามีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยตู้อัตโนมัติ ทั้งที่ยังไม่สามารถยืนยันตัวตนของผู้ซื้อและยังไม่มีประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขใดๆของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ตามความแห่งพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568  มาตรา 30(1) ดังนั้นการขายในลักษณะดังกล่าวจึงมีความผิดสำเร็จชัดเจน  ในขณะเดียวกันก็เคยมีการออกมาให้ข่าวจากฝั่งผู้ประกอบการ  ธุรกิจร้านเหล้าผับบาร์  เรื่องการยกเลิกเวลาห้ามขาย  ซึ่งสร้างความสับสน สร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนอย่างมาก  เพราะตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ยังคงมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดช่วงเวลาขาย 11.00-14.00 น.และ 17.00-24.00 น. บังคับใช้อยู่  แม้พ.ร.บ.ฉบับใหม่ได้ยกเลิก ประกาศคณะปฏิวัติที่ 253 เรื่องเวลาขายแล้วก็จริง  แต่ประกาศสำนักนายกฯฉบับเดิมยังคงอยู่  มีผลบังคับใช้เช่นเดิมการให้ข้อมูลผิดๆจากฝั่งธุรกิจ  จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง  ทำไปเพื่อผลประโยชน์ตัวเองทั้งสิ้น

ด้านนายธีระ  วัชรปราณี  ผู้อำนวยการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่าเครือข่ายเรามีจุดยืนและข้อเสนอต่อกระทรวงสาธารณสุข  กรมควบคุมโรค สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  และคณะกรรมการควบุคมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนี้  1. ขอให้ตรวจสอบการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทางตู้อัตโนมัติ  (ตามเอกสารแนบ) ที่พบว่าเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2558 มาตรา 30 (1) กำหนดให้การจำหน่ายดังกล่าวต้องยืนยันตัวตนผู้ซื้อได้และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประกาศกำหนด  ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีประกาศดังกล่าวออกมา  การขายโดยตู้อัตโนมัติจึงยังทำไม่ได้  ผู้ที่ฝ่าฝืนจึงมีความผิดจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามกฎหมายเก่า  แต่หลังวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งกฎหมายใหม่บังคับใช้หากฝ่าฝืนโทษจะเพิ่มขึ้น เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  จึงจำเป็นต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้ประกอบการที่ฉวยโอกาส  และยังต้องตรวจสอบไปอีกด้วยว่ามีการขายฝ่าฝฝืนมาตราอื่นๆหรือไม่ เช่น ขายให้เด็ก ขายให้คนเมา  ขายนอกเวลาที่กำหนด ซึ่งจะเพิ่มฐานความผิดตามมาด้วย

“2. ขอให้เร่งประชาสัมพันธ์พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นการป้องปรามผู้กระทำผิด  เพราะมีหลายมาตราที่บังคับใช้ได้ทันทีไม่ต้องรอกฎหมายลูก อาทิ ห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ขายสามารถขอดูบัตรประชาชนได้  การห้ามส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม เร่ขาย ฝ่าฝืนโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  รวมถึงการเร่งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ผู้นำเข้า  รวมไปถึงผู้ผลิตตู้อัตโนมัติ  ให้เข้าใจข้อกฎหายและขั้นตอนต่างๆ   3.ขอให้เร่งออกกฎหมายลำดับรอง  ให้เสร็จทันตามช่วงเวลาที่ พ.ร.บ.ฉบับใหม่กำหนด  และให้มีการเตรียมแผนประชาสัมพันธ์กฎหมายละดับรองอย่างเป็นระบบด้วย  4. ขอเรียกร้องให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้ขาย  สถานประกอบการที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้านเหล้าผับบาร์ รวมถึงผู้ผลิตตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ หยุดฉวยโอกาส ขายสินค้าโดยฝ่าฝืนกฎหมาย  และขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา  แจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด  ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และ 5 เครือข่ายภาคประชาสังคม  ยินดีร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการเฝ้าระวังและสนับสนุนให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายฉบับใหม่อย่างเต็มที่เพื่อความปลอดภัยของสังคมและสุขภาพที่ดีของประชาชน” นายธีระ กล่าว