March 28, 2024
Latest:
การเงิน- หลักทรัพย์- ประกัน

JR หุ้นน้องใหม่จัดทัพโรดโชว์หาดใหญ่-เชียงใหม่-กทม. ระดมทุนขายไอพีโอ 200 ล้านหุ้นในSET ปีนี้

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR ผู้ให้บริการงานวิศวกรรมที่สามารถให้บริการทั้งงานระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ  เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะนำเสนอข้อมูลของ JR ให้กับนักลงทุนที่หาดใหญ่ วันที่ 20 ตุลาคม 2563 ถัดมาที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 26 ตุลาคม และปิดท้ายที่กรุงเทพวันที่16 พฤศจิกายนนี้

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR ผู้ให้บริการงานวิศวกรรมที่สามารถให้บริการทั้งงานระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ  เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะนำเสนอข้อมูลของ JR ให้กับนักลงทุนที่หาดใหญ่ วันที่ 20 ตุลาคม 2563 ถัดมาที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 26 ตุลาคม และปิดท้ายที่กรุงเทพวันที่16 พฤศจิกายนนี้

ขณะเดียวกันมีแผนจะนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนประเภทสถาบัน ช่วงปลายเดือน ต.ค.-ต้นเดือน พ.ย. นี้ซึ่งการโรดโชว์ดังกล่าว เพื่อให้นักลงทุนทุกประเภทได้ทำความรู้จัก และสร้างความเข้าใจลักษณะของการดำเนินธุรกิจของ JR มากยิ่งขึ้น รวมถึงแผนการดำเนินงานในอนาคต และความสามารถในการเติบโต ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ก่อนทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.32% ของทุนชำระแล้ว  มูลค่าที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 0.50 บาท และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในปี 2563 นี้

“ความน่าสนใจของ JR คือเป็นผู้ให้บริการงานวิศวกรรมที่สามารถให้บริการทั้งงานระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า 26 ปี มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งลูกค้าภาครัฐและลูกค้าเอกชน รวมถึงผู้จัดจำหน่ายสินค้าทั้งภายในและต่างประเทศ  และลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการพื้นฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและระบบ ICT ของประเทศ ซึ่งจะมีโอกาสช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ  นอกจากนี้  JR ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมี Backlog ที่รอรับรู้รายได้กว่า 6,000 ล้านบาท  จึงมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคง น่าจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ” นายสมภพกล่าว

นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า การโรดโชว์ในครั้งนี้จะช่วยทำให้นักลงทุนได้เข้าใจในภาพรวมของธุรกิจ ซึ่งมีความหลากหลาย ทั้งการให้บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งงานระบบไฟฟ้า และระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ แบบครบวงจร รวมถึง ยังให้บริการจำหน่ายอุปกรณ์ และให้บริการบำรุงรักษา  สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ

ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจต่างๆ มีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว เนื่องจากภาครัฐและเอกชน ยังคงให้ความสำคัญในการขยายโครงการลงทุน  เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน ดังนั้นจึงทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจเข้าระดมทุน เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(SET) โดยเตรียมจะนำเงินที่ได้รับไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนและขยายฐานทุน เพื่อรองรับงานโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น รวมทั้งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้ทัดเทียมกับผู้ประกอบการต่างประเทศได้ในอนาคต

ณ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 6,386.63  ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีการประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติม สนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตก้าวได้อย่างก้าวกระโดด

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ในปี 2560 บริษัทฯมีรายได้รวม 967.60 ล้านบาท ปี 2561 อยู่ที่ 934.17 ล้านบาท ปี 2562 อยู่ที่  848.90 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 464.78 ล้านบาท  ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 41.25 ล้านบาท 82.93 ล้านบาท  60.75 ล้านบาท และ 29.93 ล้านบาท ตามลำดับ

“การระดมทุนใน SET จะทำให้บริษัทฯมีความสามารถในการขยายธุรกิจมากขึ้น และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมีโอกาสเพิ่มพันธมิตรใหม่ สนับสนุนการเติบโต พร้อมกับยกระดับการเป็นผู้ประกอบการไทยที่มีมาตรฐานเดียวกับบริษัทต่างประเทศอีกด้วย” นายจรัญ กล่าวในที่สุด

“ความน่าสนใจของ JR คือเป็นผู้ให้บริการงานวิศวกรรมที่สามารถให้บริการทั้งงานระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ดำเนินธุรกิจยาวนานกว่า 26 ปี มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งลูกค้าภาครัฐและลูกค้าเอกชน รวมถึงผู้จัดจำหน่ายสินค้าทั้งภายในและต่างประเทศ  และลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการพื้นฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและระบบ ICT ของประเทศ ซึ่งจะมีโอกาสช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ  นอกจากนี้  JR ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมี Backlog ที่รอรับรู้รายได้กว่า 6,000 ล้านบาท  จึงมีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคง น่าจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ” นายสมภพกล่าว

นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า การโรดโชว์ในครั้งนี้จะช่วยทำให้นักลงทุนได้เข้าใจในภาพรวมของธุรกิจ ซึ่งมีความหลากหลาย ทั้งการให้บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้างและติดตั้งงานระบบไฟฟ้า และระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ แบบครบวงจร รวมถึง ยังให้บริการจำหน่ายอุปกรณ์ และให้บริการบำรุงรักษา  สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ

ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจต่างๆ มีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว เนื่องจากภาครัฐและเอกชน ยังคงให้ความสำคัญในการขยายโครงการลงทุน  เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน ดังนั้นจึงทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจเข้าระดมทุน เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(SET) โดยเตรียมจะนำเงินที่ได้รับไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนและขยายฐานทุน เพื่อรองรับงานโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น รวมทั้งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้ทัดเทียมกับผู้ประกอบการต่างประเทศได้ในอนาคต

ณ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 6,386.63  ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีการประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติม สนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตก้าวได้อย่างก้าวกระโดด

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ในปี 2560 บริษัทฯมีรายได้รวม 967.60 ล้านบาท ปี 2561 อยู่ที่ 934.17 ล้านบาท ปี 2562 อยู่ที่  848.90 ล้านบาท และงวด 6 เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 464.78 ล้านบาท  ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 41.25 ล้านบาท 82.93 ล้านบาท  60.75 ล้านบาท และ 29.93 ล้านบาท ตามลำดับ

“การระดมทุนใน SET จะทำให้บริษัทฯมีความสามารถในการขยายธุรกิจมากขึ้น และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมีโอกาสเพิ่มพันธมิตรใหม่ สนับสนุนการเติบโต พร้อมกับยกระดับการเป็นผู้ประกอบการไทยที่มีมาตรฐานเดียวกับบริษัทต่างประเทศอีกด้วย” นายจรัญ กล่าวในที่สุด